1836 จำนวนผู้เข้าชม |
กกต.ออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง 9 ฉบับ ย้ำจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันและประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ไม่เกิน 9 พ.ค.
พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานจากรัฐบาลถึงความชัดเจนการมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งวันเลือกตั้งจะกำหนดวันชัดเจนอีกครั้ง แต่ที่ประชุม กกต.ย้ำว่าต้องจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน และประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคม
.
หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จะทำให้ กกต.เหลือเวลาพิจารณาเพียง 45 วัน ยืนยันว่า กกต. พิจารณาทัน ซึ่งในอดีต กกต.ก็เคยใช้เวลา 30 วันในการประกาศรับรองผล แต่ยอมรับเวลากระชั้นชิดที่ กกต.จะต้องเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จ
.
เลขาธิการ กกต. กล่าวว่ากรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. และประกาศ กกต. จำนวน 9 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการเลือกตั้ง จะมีผลบังคับใช้เมื่อ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ
.
ทั้งนี้ การออกระเบียบดังกล่าว กกต.คำนึงถึงเรื่องการที่กฎหมายกำหนดให้การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งกฎหมายยังกำหนดให้รัฐสนับสนุนการหาเสียงให้พรรคการเมือง จึงทำให้ กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายแบบแบ่งเขตไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และแบบบัญชีรายชื่อไม่เกิน 35 ล้านบาท
.
โดยรายละเอียดของวิธีหาเสียง เรื่องโซเชียลมีเดียกำหนดให้ผู้สมัครหาเสียงได้ทั้งในเฟซบุ๊ก ไลน์และแอปพลิเคชันต่างๆ โดยคิดเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้สมัครต้องแจ้งต่อ กกต.ก่อนการหาเสียง เพื่อป้องกันการแอบอ้าง หรือการสวมรอยสวมชื่อ นำไปใช้หาเสียงโจมตีผู้อื่น
.
ส่วนการติดตั้งป้ายหาเสียง ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งขนาด จำนวน และสถานที่ติดตั้ง โดยในป้ายหาเสียงจะต้องมีชื่อผู้สมัคร ชื่อพรรค โลโก้ นโยบาย กรรมการบริหารพรรคและรายชื่อนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
.
เลขาธิการ กกต. กล่าวด้วยว่า การหาเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์ ผู้สมัครจะดำเนินการเองไม่ได้ โดย กกต.จะจัดสรรเวลาออกอากาศให้ พรรคละไม่เกิน 10 นาที
.
นอกจากนี้ กฎหมายยังเพิ่มเติมการดีเบตนโยบาย หรือประชันนโยบายของพรรคการเมือง โดยจัดเป็นกลุ่มพรรคการเมือง 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นพรรคที่ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 300-350 เขต กลุ่มที่ 2 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 200 - 299 เขต และกลุ่มที่ 3 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 199 เขตลงมา ซึ่งในส่วนของสถาบันการศึกษา หรือองค์กรวิชาชีพต่างๆ ก็สามารถจัดดีเบตได้ แต่ต้องยึดหลักความเท่าเทียมกัน
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์