3464 จำนวนผู้เข้าชม |
ผู้สูงวัยรายได้น้อยเฮ! รับเงินเพิ่มเติมเพื่อการยังชีพอย่างเหมาะสม
มีข่าวดีมาบอกกัน...สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเป็นผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
เพราะวันนี้รัฐตั้งใจดูแลสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพแก่ทุกคนอย่างเต็มที่ ทำให้ท่านได้ประโยชน์หลายต่อ
ต่อที่ 1 ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายเดือน
ต่อที่ 2 ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีสามารถนำเงินในบัตรไปใช้จ่ายรายเดือนเป็นค่าครองชีพ ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสาร ฯลฯ
ต่อที่ 3 ได้รับเงินเพิ่มอีกคนละ 50 บาท หรือ 100 บาทต่อเดือนตามฐานรายได้
สำหรับต่อที่ 3 นั้น เป็นมติล่าสุดจากคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุที่ต้องการจัดสรรเงินเพิ่มเติมให้กับผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการฯ เนื่องจากกองทุนฯ ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมจากการเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร รวมทั้งเงินบริจาคของผู้สูงอายุที่ขอสละสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพ
ใครบ้างที่จะมีสิทธิรับประโยชน์ต่อที่ 3?
ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ยอดวงเงินที่ได้รับเป็นจำนวนเท่าไร?
1. ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์ 100 บาท/เดือน
2. ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์ 50 บาท/เดือน
จะรับเงินได้จากที่ไหน?
รัฐจะนำเงินเข้าบัตรสวัสดิการฯ ทุกวันที่ 15 ของเดือน
ระยะเวลาการจ่ายเงินสิทธิประโยชน์นี้มีถึงเมื่อใด?
ในครั้งแรกนี้รัฐจะนำเงินเข้าบัตรสวัสดิการฯ ของผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 61 - มี.ค. 62 หลังจากนั้น จะพิจารณายอดเงินในกองทุนผู้สูงอายุว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่
เริ่มดำเนินการแล้วหรือยัง?
รัฐเริ่มนำเงินเข้าบัตรสวัสดิการฯ เป็นงวดแรกแล้ว เมื่อ 15 ส.ค.61 ที่ผ่านมา
มีผู้ได้รับประโยชน์มากน้อยแค่ไหน?
ผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 3.66 ล้านคน
เงินจำนวน 50 บาท และ 100 บาท ที่นำเข้าบัตรสวัสดิการฯ สามารถถอนเป็นเงินสดได้หรือไม่?
สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และนำไปซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐได้ด้วยเช่นเดียวกัน หากมียอดเงินคงเหลือในแต่ละเดือนก็จะทบยอดให้ในเดือนถัดไปด้วย
-------------------------------------
ทั้งหมดนี้ คือ รายละเอียดของมาตรการล่าสุดที่รัฐมุ่งช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสม และพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345